เมื่อเสน่ห์ของผ้าไทยผนวกเข้ากับมุมมองร่วมสมัยของแบรนด์ WISHARAWISH นำไปสู่คอลเลกชั่นแฟชั่นที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน
“วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข” จบการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความสนใจในด้านการออกแบบและแฟชั่น จึงหันไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นอย่างจริงจัง ทั้งงานโฆษณาหรืองานนิตยสารและการงานกับบริษัท GREYHOUND หลังจากได้ทุนจากรัฐบาลไปศึกษาต่อที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสจึงกลับมารับราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม ก่อนจะตัดสินใจลาออกมาทำแบรนด์ของตัวเองภายใต้ชื่อ WISHARAWISH แบบเต็มตัว
ชื่อของวิชระวิชญ์เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการชนะการประกวด Mango Fashion Awards ในปี 2012 ที่ประเทศสเปน ในขณะที่ปัจจุบันผลงานที่ทำให้แบรนด์ WISHARAWISH เป็นที่รู้จักก็คือการใช้ผ้าไทย สิ่งทออันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ในรูปแบบงานแฟชั่นร่วมสมัย นำเสน่ห์ของผ้าไทยไปสู่สายตานานาชาติ ดังเช่นคอลเลกชัน “จากแดนไกล” ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2019 ที่มีโอกาสได้ไปจัดแสดงรันเวย์โชว์ในในงาน Amazon Fashion Week Tokyo ระหว่างสัปดาห์โตเกียวแฟชั่นวีก ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
“ในทุก ๆ การทำงาน ท้ายสุดแล้วแรงบันดาลใจกลับเป็นการเดินทางไปหาจุดเริ่มต้นนั่นคือนำเอารากเหง้า ศิลปะและวัฒนธรรมรวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมของเรามาปรับใช้ เนื่องจากเราได้เห็นและคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด แต่จะทำยังไงให้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ไม่ได้มีผลกลับมาเพียงแค่ที่ตัวเราหรือตัวแบรนด์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีผลลัพธ์กลับไปที่ต้นทาง นั่นคือท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย” วิชระวิชญ์กล่าว
เราเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ช่วยให้ผ้าไทยได้รับความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ ลวดลาย และการออกแบบให้ดูเป็นปัจจุบันมากขึ้น
ในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น เขามักจะเริ่มจากขั้นตอนการพัฒนาวัสดุก่อน จากนั้นเริ่มคิดต่อยอดว่าจะสามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานที่เหมาะสมกับวัสดุได้อย่างไร เปรียบดังกับพ่อครัวที่ต้องดูว่าได้อะไรมาสำหรับการประกอบอาหารแล้วจึงเริ่มคิดต่อยอดว่าจะสร้างสรรค์เมนูอะไรถึงจะเหมาะ โดยเลือกปรุงรสให้น้อยที่สุด เพราะต้องการให้วัถุดิบนั้นเป็นตัวเอก เพื่อขายคุณค่าและความสดใหม่
ความโดดเด่นในผลงานของวิชระวิชญ์คือการใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน เรียกได้ว่าตั้งแต่การไปดูเส้นไหม การพัฒนาวัสดุ ทั้งในด้านของคุณภาพและเรื่องของการออกแบบ ทั้งนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนหรือไปทำลายความดั้งเดิม แต่เป็นการร่วมมือและร่วมใจกันสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ที่คำนึงถึงความเป็นสากลมากขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นผลงานรู้สึกอยากสัมผัส
“ต้องบอกก่อนว่ามีนักออกแบบหรือศิลปินแห่งชาติหลายท่านที่ทำงานเรื่องผ้าไทยมาก่อน และนักออกแบบเหล่านี้เองที่ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการเลือกใช้ผ้าไทยมาทำ เหมือนตอนนี้เราเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่จะช่วยให้ผ้าไทยได้รับความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคุณภาพ ลวดลาย และการออกแบบให้ดูเป็นปัจจุบันมากขึ้น ใช้และใส่ได้จริงกับหลายโอกาสในชีวิตประจำวัน”
ผลงานการออกแบบผ้าไทยของวิชระวิชญ์ทำให้ในช่วง 4-5 ปีมานี้เกิดการเปลี่ยนแปลง และมิติใหม่กับผ้าไทย ทำให้คนรู้จักผ้าไทยและกล้าที่จะสวมใส่มากขึ้น หรือแม้แต่อุตสาหกรรมแฟชั่น (ผ้าไทย) เอง ก็พัฒนาขึ้น เห็นได้จากการที่เขามีโอกาสร่วมออกแบบและให้คำปรึกษาในหลากหลายโครงการ การได้ไปนำเสนอผลงานในต่างประเทศหลากหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทยเองด้วย ซึ่งก่อให้เกิดความสนใจอย่างต่อเนื่อง
วิชระวิชญ์กล่าวว่า คุณค่าของผลงานนั้นอาจไม่ใช่สิ่งสำเร็จที่ออกมาเป็นชิ้นงาน เป็นชุดเสื้อผ้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของการช่วยเหลือ การให้โอกาสคนในชุมชน หรือแม้แต่คนในท้องถิ่นได้กลับมาภาคภูมิใจในตัวเอง ได้เห็นสิ่งที่เป็นของเดิม ๆ ได้พัฒนา และได้สร้างความแตกต่าง กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ยังคงความดั้งเดิมอยู่ ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นคุณค่าของผลงานที่ตัวเขาเองก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นที่สุดเช่นกัน
Thai Fabrics on the International Runway
After completing a Bachelor of Arts from Chulalongkorn University, Wisharawish discovered that he was into fashion design. He then pushed himself into the field of advertisements, and magazines and gained valuable experience in fashion at GREYHOUND. Sponsored by the government, he did a degree in Paris and returned as an officer at the Ministry of Culture. To follow his dream, he finally resigned and founded his own fashion brand, WISHARAWISH. Starting off the Mango Fashion Awards in 2012 and gaining attention from the public as a winner, WISHARAWISH is a fashion house bringing Thai specialty fabric to the international fashion show with contemporary design. With the finest quality of materials and details, his fall and winter collection outstandingly spiced up the runway of Amazon Fashion Week Tokyo 2019 during Tokyo Fashion Week in Tokyo, Japan. “In every piece of work, the ulmate inspiration was nothing more than returning to basic: the root, art and culture, and local specialties. And what can we do in return those local valuables to their origin?” said, Wisharawish. With the combination of design and materials, not only does Thai fabric on contemporary work salvage original traditions, but it also brightens the attires with creativity in the international market. “I’m encouraging other designers and artists who are interested in and passionate about Thai fabric through modern design and daily use,” he said. WISHARAWISH’s design in the past 5 years has changed the Thai fabric industry by attracting more attention from the market both domestically and internationally and by deploying traditional fabric in the modern shape that still maintains the Thai authenticity. “The success is not only from the fashionable clothing but also including a return of opportunity to the originated community,” he concluded.
Comments