การพัฒนาเมืองเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความเจริญและความยั่งยืนให้ชุมชน “ท่าฉลอม” พื้นที่ที่เคยถูกลืมและคนในท้องถิ่นไม่เห็นคุณค่า แต่วันนี้ท่าฉลอมกลายเป็นพื้นที่แหล่งการเรียนรู้ให้กับนักท่องเที่ยว เป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบอีกหลายพื้นที่ ที่ใคร ๆ ต่างก็อยากมาเยี่ยมเยือน เพราะคนในท้องถิ่นที่มองเห็นคุณค่า มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาและการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม คือผู้ที่มองเห็นและนำพาการพัฒนาเมืองมาสู่ “ท่าฉลอม”
ดร.สุวันชัยได้รวมตัวกับกลุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแต่อยากเห็นบ้านเกิดพัฒนา จึงร่วมกันตั้งบริษัท สมุทรสาคร พัฒนาเมือง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดยจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมแบบไม่แบ่งปันผลกำไร เพื่อแสดงจุดยืนกับคนในชุมชนว่า ต้องการมาทำเพื่อชุมชนไม่ได้มาเพื่อหวังผลประโยชน์กับชุมชน
ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะมีปัญหากับคนในพื้นที่ที่มีอคติต่อกลุ่มนายทุนคิดว่าจะมาหาประโยชน์กับชุมชน แต่ก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้ด้วยความจริงใจในจุดยืนที่จะดำเนินการเพื่อสังคม
“กลยุทธ์การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนคือการสร้างให้คนในพื้นที่เห็นคุณค่าของพื้นที่ตนเอง เศรษฐกิจของท่าฉลอมผูกอยู่กับการประมง อาหารทะเล ช่วงหลังพิษเศรษฐกิจทำให้อาชีพประมงเกิดผลกระทบ คนเลิกทำอาชีพประมง เหลือแต่คนแก่และเด็กที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ คนหนุ่มสาวก็จะออกไปทำงานที่อื่น เราก็เลยมองว่าถ้าเราพัฒนาท่าฉลอมดีขึ้นก็จะดึงคนหนุ่มสาวกลับมาได้เพื่อทำให้เศรษฐกิจของท่าฉลอมดีขึ้น เลยจัดทำโครงการพัฒนาเมืองผ่านการท่องเที่ยวชุมชน โดยเรานำร่องที่ท่าฉลอม”
การพัฒนาชุมชนเริ่มจากทำโครงการสำรวจข้อมูลประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว เพื่อการพัฒนาเมืองสมุทรสาคร ค้นคว้าศึกษาประวัติศาสตร์ที่มาแต่ละพื้นที่ เมื่อได้ข้อมูลก็นำมาเผยแพร่ให้ชุมชนได้รับทราบ ทำให้ชุมชนเห็นความสำคัญและอยากจะพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ก็นำเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงกับงานศิลปะทำให้เกิดนวัตกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ จัดทำมัคคุเทศก์ดิจิทัล โดยทำคลิปวิดีโอสั้นความยาวไม่เกิน 1 นาที บอกเล่าความน่าสนใจของแต่ละพื้นที่ในท่าฉลอม โดยสามารถรับชมโดยการสแกน QR Code ที่ติดอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุด
“เราทำทุกจุดให้ท่องเที่ยวได้ เราวาดภาพลวดลายบนกำแพง และฝาท่อระบายน้ำ เพื่อบอกเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนท่าฉลอมตั้งแต่อดีต ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของคนในพื้นที่จากที่เคยไม่ยอมรับจนเอ่ยปากขอให้บ้านตนเองเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ที่ใช้วาดเล่าเรื่องราว ไม่ใช่เพียงเพราะเห็นว่าภาพวาดสวยดี แต่เป็นเพราะว่าเขาเห็นคุณค่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เหล่านั้น”
เราอยู่ที่ไหน ก็ต้องสร้างประโยชน์ ท่าฉลอมมีดี ต้องบอกต่อ เพื่อให้คนมาและพัฒนาเมือง และสร้างความยั่งยืน
สิ่งที่ ดร.สุวันชัยทำนั้น เป็นการจุดประกายให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนสนับสนุนงบประมาณและให้การช่วยเหลือ จนได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2565 กับโครงการ ‘ห้องสมุดเก๋งเรือลอยฟ้าท่าฉลอม’ ที่ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่สถานีอนามัยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเป็นลานกีฬาวัฒนธรรมชุมชน และห้องสมุดชุมชน โดยใช้ถังประปาซีเมนต์ที่ไม่ได้ใช้แล้วมาออกแบบเพื่อสะท้อนวิถีคนในพื้นที่ที่ประกอบอาชีพประมง
นอกจากนี้ยังได้ทำ MOU กับทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคการศึกษา เพื่อทำให้พื้นที่ท่าฉลอมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้คุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมของชุมชนและวัฒนธรรม รวมทั้งทำ MOU กับแขวงทางหลวงขออนุญาตปลูกต้นไม้เพื่อความสวยงามของพื้นที่และลด PM2.5
ในระยะเวลา 5 ปี ดำเนินโครงการไปแล้วกว่า 21 โครงการ ถือว่าเป็นพันธกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือพัฒนาสังคม ทำให้คนในชุมชนกลับมาประกอบอาชีพในท้องถิ่น ได้ร่วมแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกิดพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนไปสู่รุ่นต่อรุ่น
การพัฒนาเมืองจะเกิดขึ้นได้ อยู่ที่การร่วมมือจากทุกฝ่าย “ท่าฉลอมโมเดล” เป็นแบบอย่างของการร่วมมือเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
Dr.Suwanchai Sangsuk-iam | Samut Sakhon City Development (Social Enterprise) Co., Ltd.
Tha Chalom, a tourism-led urban development pilot community
“Wherever we are, we need to make contributions. Tha Chalom has its own charm and we need to let the world know and develop it to accommodate visitors.”
Dr. Suwanchai Saengsuk-iam, observed and oversaw urban development in “Tha Chalom,” a once-forgotten neighborhood. Today, Tha Chalom has evolved into one of the major tourist attractions. It serves as a testing ground for a variety of different prototypes. Everyone wants to experience it because the respected locals have shown them how to exploit the potential to provide long-term economic prosperity for the city. Suwanchai collected a group of wealthy businesspeople who wished to see the development of his hometown, thus he co-founded Samut Sakhon Pattana Co., Ltd., which was registered as a non-profit social enterprise. Despite initial oppositions, they were able to handle the issues in good faith and convince the local people that the expansion would promote the area.
It all began with a piece of research to investigate historical and touristic data for the growth of Samut Sakhon and to analyze the history of each location When the information is ready, it will be made available to the public. This makes the community see the significance and desire to improve the region. Suwanchai’s actions have prompted both the public and private sectors to support the budget and help.
Over 21 projects have been implemented in just 5 years, which is regarded a very successful mission in assisting society’s development. They have inspired individuals in the community to return to work in the local region, where they helped solve numerous challenges and ensured the area’s long-term growth for the future generation.
Commentaires